บุญเบิกบ้าน ประเพณีอีสาน
เ เดือนเจ็ด
บุญซำฮะ นิยมทำกันในเดือนเจ็ด จัดทำได้ทั้งข้างขึ้นข้างแรม บุญซำฮะ คือ
บุญซำระล้างสิ่งที่เป็นเสนียดจัญไร อันจะทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่บ้านเมือง
ทำให้บ้านเมือง ไม่อยู่เย็นเป็นสุข เกิดโจรปล้นบ้าน ปล้นเมือง ฆ่าฟันรันแทง
ผู้คนวัวควายล้มตายเพราะผีเข้า บ้านเมืองมีเหตุเภทภัยต่าง ๆ
จึงทำบุญชำระล้างสิ่งที่ทำให้เกิดเหตุเภทภัย ที่เป็นอัปมงคลให้หมดไป
บางแห่งทำเมื่อฝนแล้งหรือไม่ตกต้องตามฤดูกาลเมื่อทำบุญนี้แล้ว
เชื่อว่าจะทำให้ฝนตกและบ้านเมืองก็จะอยู่เย็นเป็นสุข
เพราะจะได้ทำนาและปลูกพืชพันธ์ธัญญาหารต่าง ๆ เมืองใดที่มีมเหศักดิ์หลักเมือง
ก็ทำพิธีเซ่นสรวงหลักเมือง หมู่บ้านใดที่มีผีประจำหมู่บ้านซึ่งเรียกว่า
"ผีปู่ตา" หรือ "ตาปู่" หรือเจ้าบ้าน"
ก็ทำพิธีเลี้ยงในเดือนเจ็ดนี้และนำข้าวปลาอาหารพร้อมสิ่งอื่น ๆ
ไปเลี้ยงผีประจำไร่นา ซึ่งเรียกว่า "ผีตาแฮก" ด้วย
การชำระล้างมลทิน ผงฝุ่น หรือสิ่งที่สกปรก
รุงรังให้สะอาดปราศจากมลทินหรือความมัวหมอง เรียกว่า "ชำระ"
หรือภาษาอีสานเรียกว่า "ซำฮะ" สิ่งควรเอาใจใส่ในการชำระให้สะอาด
นั้นมีอยู่ ๒ อย่าง คือ ความสกปรกภายนอก ได้แก่ ร่างกาย เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย
และความสกปรกภายใน ได้แก่ จิตที่มีความโลภ โกรธ หลง
อันสิ่งที่เป็นอกุศลมูลหรือสิ่งเป็นมูลเหตุของความไม่ดีไม่งามที่จะทำให้จิตใจของคนเราเศร้าหมองได้
การชำระล้างในประเพณีนี้ได้แก่ การที่บ้านเมืองเกิดความเดือดร้อน
มีข้าศึกมาทำลาย มีโจรปล้น เกิดรบราฆ่าฟันแย่งชิงกันเป็นใหญ่ เกิดโรคระบาด ผู้คน
ช้าง ม้า วัว ควาย ล้มตายเพราะผีเข้าเจ้าสูญ (ผีโกรธ)
คนอีสานถือกันว่าบ้านเมืองเกิดเดือดร้อน ชะตาบ้านเมืองขาด
จำต้องมีการชำระล้างให้หายจากเสนียดจัญไรเหล่านั้น
การทำบุญเกี่ยวกับการชำระล้างบ้านเมืองนี้เรียกว่า "บุญซำฮะ"
และมีกำหนดทำกันในเดือน ๗ จึงได้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
"บุญเดือนเจ็ด"
ซึ่งบุญเดือนเจ็ดนี้นักปราชญ์โบราณอีสานได้กล่าวไว้เป็นผญาว่า...
“เดือนเจ็ดเผาความฮ้ายอันตรายบ่มาผ่าน
นิมนต์พระขึ้นบ้านเล็งเป้าเข้าใส่ธรรม
บุญสิมาส่อยยู้
ซูส่งราศี
บารมีผลทานสิไล่มารให้เลยพ้น
ตั้งแต่คนเฮาได้เคยยินมาตั้งแต่ก่อน
บุญซำฮะสละความเดือดฮ้อน
เมืองบ้านสิฮ่มเย็น”
ความหมายคือ เดือนเจ็ดเผาความชั่วร้าย อันตรายไม่มาผ่าน นิมนต์พระขึ้นบ้าน เพื่อธรรมคำสอน บุญจะคอยช่วยส่งเสริมสร้างราศี บารมีผลทานจะไล่มารให้หนีพ้น
ตั้งแต่คนเราเคยได้ยินที่ผ่านมาบุญชำระสละความเดือดร้อน บ้านเมืองจะร่มเย็นเป็นสุข
มูลเหตุที่ทำบุญซำฮะนี้
มีเรื่องเล่าไว้ในหนังสือพระไตรปิฎกอรรถกถาว่า สมัยหนึ่งในเมืองไพสาลี ได้เกิดข้าวยากหมากแพงและฝนแล้ง
ผู้คน ช้าง ม้า วัว ควาย ล้มตายลงเป็นอันมาก
เกิดมีโรคอหิวาต์ระบาดทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยซากศพ เจ้าเมืองผู้ปกครองเมืองไพสาลี
จึงได้ไปทูลนิมนต์พระพุทธเจ้า
พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์อีก ๕๐๐ รูป เสด็จจากกรุงราชคฤห์มายังเมืองไพสาลีโดยทางเรือ
เพื่อมาขจัดปัดเป่าหรือว่ามาชำระเสนียดจัญไรที่เกิดขึ้น การเดินทางในสมัยนั้นใช้เวลาเดินทางถีง ๗ วัน
จึงเสด็จมาถึงเมืองไพสาลีได้
พอเมื่อพระองค์เสด็จมาถึงแล้วเกิดฝนตกห่าใหญ่ในเมืองเกิดน้ำท่วมมีระดับประมาณหัวเข่า
น้ำที่ท่วมนั้นกลายเป็นผลดีแก่เมืองไพสาลี
โดยได้พัดพาเอาซากศพของคนและสัตว์ลงสู่แม่น้ำและไหลออกสู่ทะเลในที่สุด
ในครั้งนั้นพระองค์ได้ทำน้ำมนต์ใส่บาตรให้พระอานนท์นำน้ำมนต์นั้นไปพรมจนทั่วพระนคร
โรคภัยไข้เจ็บก็เกิดระงับดับหายไป
ด้วยอนุภาพของพระพุทธเจ้าและน้ำพุทธมนต์นั้น คนโบราณอีสานอาศัยความเชื่ออันนี้
จึงได้พากันทำเป็นประเพณี เมื่อถึงเดือน
๗ ของทุกๆ ปี ก็จะพากันทำบุญชำระบ้านเมืองอยู่เป็นประจำ
รวมความ ว่า
บุญซำฮะ นิยมทำกันในเดือนเจ็ด
จัดทำได้ทั้งข้างขึ้นข้างแรม บุญซำฮะ คือ บุญซำระล้างสิ่งที่เป็นเสนียดจัญไร
อันจะทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่บ้านเมือง ทำให้บ้านเมือง ไม่อยู่เย็นเป็นสุข
เกิดโจรปล้นบ้าน ปล้นเมือง ฆ่าฟันรันแทง ผู้คนวัวควายล้มตายเพราะผีเข้า
บ้านเมืองมีเหตุเภทภัยต่าง ๆ
จึงทำบุญชำระล้างสิ่งที่ทำให้เกิดเหตุเภทภัย ที่เป็นอัปมงคลให้หมดไป
บางแห่งทำเมื่อฝนแล้งหรือไม่ตกต้องตามฤดูกาลเมื่อทำบุญนี้แล้ว
เชื่อว่าจะทำให้ฝนตกและบ้านเมืองก็จะอยู่เย็นเป็นสุข เพราะจะได้ทำนาและปลูกพืชพันธ์ธัญญาหารต่าง
ๆ เมืองใดที่มีมเหศักดิ์หลักเมือง ก็ทำพิธีเซ่นสรวงหลักเมือง
หมู่บ้านใดที่มีผีประจำหมู่บ้านซึ่งเรียกว่า "ผีปู่ตา" หรือ
"ตาปู่" หรือเจ้าบ้าน"
ก็ทำพิธีเลี้ยงในเดือนเจ็ดนี้และนำข้าวปลาอาหารพร้อมสิ่งอื่น ๆ
ไปเลี้ยงผีประจำไร่นา ซึ่งเรียกว่า "ผีตาแฮก" ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น